V beam คือ เครื่องเลเซอร์จากสหรัฐอเมริกา เป็น Ultralong-Pulsed Dye Laser ที่มีความยาว
คลื่นเฉพาะ คือ 595 nm (นาโนเมตร) ซึ่งจะถูกดูดซับได้ดีมากโดยเม็ดเลือดแดง และเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง
V beam ถือเป็น Gold Standard Laser ในปัจจุบัน สำหรับการรักษาโรคของเส้นเลือดที่มีสีแดงทุกชนิด
ปัจจุบันได้มีการนิยมใช้ V beam ในการรักษาภาวะต่างๆ ดังนี้ - สิวและรอยแดงสิว (Acne, Acne Redness and Scar)
- แผลเป็นต่างๆ (Scars) รอยฟกช้ำ (Bruising)
- ผิวแตกลาย (Stretch marks)
- เส้นเลือดแดงขยายตัวที่หน้าหรือขา (Facial or Leg Telangiectasia)
- ผิวที่เสียจากการได้รับแสงแดดมานาน (Poikiloderma of Civatte)
- โรคสิวหน้าแดง (Rosacea)
- ใช้รักษาดูแลผิวหน้า ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน (V beam Facial Rejuvenation)
การรักษาด้วย V beam - หลังจากทำความสะอาดผิวและสวมแว่นป้องกันแล้วเริ่มทำการรักษาได้เลย ไม่ต้องทาเจลใดๆ
- ในระหว่างการรักษาคุณจะรู้สึกเหมือนผิวถูกดีด มีสเปรย์เย็นถูกพ่นลงมาเพื่อป้องกันผิวชั้นบนและ
ช่วยให้เจ็บน้อยลง - หลังการรักษาอาจมีการใช้ ice-pack ประคบบางจุด ผิวจะเป็นสีชมพูๆ ในกรณียิงเส้นเลือดอาจ
จะมีจ้ำเลือดได้บ้าง แต่จะไม่มีแผลเปิด สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ หลีกเลี่ยง
แสงแดดและทาครีมกันแดดหลังทำเลเซอร์ - V beam Facial Rejuvenation มีการใช้ V beam ในการรักษาผิวหน้า ช่วยให้ผิวหน้า
กระจ่างใส ลดรอยกระ จุดด่างดำชนิดตื้น รูขุมขนกระชับขึ้น ริ้วรอยรอบตาบางลง ได้ผลดีน่า
พอใจมาก นิยมทำทุก 2-4 สัปดาห์
- V beam for Acne การใช้ V beam รักษาสิว จะช่วยลดอาการแดงอักเสบของสิวได้
ช่วยให้สิวแห้งและหายเร็วขึ้น สำหรับคนที่มีสิวที่เป็นก้อน (nodular acne) หรือสิวเรื้อรัง
หายยาก แนะนำให้ทำ V beam Laser ควบคู่กับ CoolTouch Laser เพื่อจัดการที่ต่อม
ไขมันด้วย พบว่าลดสิวประเภทนี้ได้ผลดีและเร็วกว่า ในระยะแรกที่มีสิวอักเสบมากแนะนำให้
รักษาทุก 1 สัปดาห์
- V beam รักษารอยแดงสิว ได้ผลดีมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ IPLs
- ในการรักษาเส้นเลือด ส่วนมากทำ 2-3 ครั้ง ควรมาทำซ้ำที่ 2-4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำ
ของแพทย์
สำหรับการรักษา
แผลเป็น จากการบาดเจ็บหรือแผลผ่าตัดนั้น มีข้อแนะนำให้เริ่มทำเร็ว
ที่สุดหลังผิวพร้อม ลดโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นนูนได้ สำหรับแผลเป็นนูนที่ยังมีสีแดงรักษา
ด้วย V beam ได้